Adversity Quotient and Organizational Trust Predicting Spirituality at Work of Employees in Automotive Maintenance and Sale Business

Abstract

This study was survey-based research aimed at: 1) examining the levels of adversity quotient, organizational trust, and spirituality at work; 2) investigating the relationship between adversity quotient and spirituality at work; 3) exploring the relationship between organizational trust and spirituality at work; and 4) predicting spirituality at work using adversity quotient and organizational trust. The sample consisted of 331 employees from the automotive maintenance and sales businesses of company A and company B. The instrument used was a 5-point Likert scale questionnaire (1 = least, 5 = most). The statistical analyses included frequency, percentage, standard deviation, correlation coefficients, and stepwise multiple regression analysis. The results showed that: 1) adversity quotient, organizational trust, and spirituality at work were, on average, at a high level; 2) adversity quotient positively related to spirituality at work (r = .84), with a statistical significance at the .01 level; 3) organizational trust positively related to spirituality at work (r = .80), with a statistical significance at the .01 level; and 4) 3 components of adversity quotient (1) endurance, (2) reach, and (3) origin and ownership and 1 variable: organizational trust, accounted for 81% of the variance in predicting spirituality at work, with statistical significance at the .01 level. These findings highlighted the importance of fostering adversity quotient and organizational trust to enhance spirituality at work among employees in the automotive industry.

งานวิจัยเป็นงานวิจัยเชิงสำรวจ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับความสามารถในการเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรค ความไว้วางใจองค์การ และจิตวิญญาณในการทำงาน 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ความสามารถในการเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรค และจิตวิญญาณในการทำงาน 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ความไว้วางใจองค์การ และจิตวิญญาณในการทำงาน 4) เพื่อพยากรณ์จิตวิญญาณในการทำงานด้วยความสามารถในการเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรคและความไว้วางใจในองค์การ กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานในธุรกิจซ่อมและขายรถยนต์ของ บริษัท A และบริษัท B รวมทั้งสิ้น 331 คน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถามมาตรตราวัดประเมินค่า 5 ระดับ (1 = น้อยที่สุด 5 = มากที่สุด) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1) ความสามารถในการเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรคความไว้วางใจในองค์การ และจิตวิญญาณในการทำงานโดยรวมอยู่ในระดับมาก 2 ) ความสามารถในการเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรค มีความสัมพันธ์ทางบวกกับจิตวิญญาณในการทำงาน (r = .84) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ความไว้วางใจในองค์การมีความสัมพันธ์ทางบวกกับจิตวิญญาณในการทำงาน (r = .80) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4) 3 ด้านของตัวแปรความสามารถในการเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรค 1.ด้านความอดทนเข้มแข็ง 2.ด้านผลกระทบ และ3.ด้านค้นหาสาเหตุและการแสดงความรับผิดชอบ และ 1 ตัวแปรคือ ความไว้วางใจในองค์การโดยรวมสามารถพยากรณ์จิตวิญญาณในการทำงานได้ร้อยละ 81 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01